เหล็กรูปพรรณเป็นหนึ่งในวัสดุที่สำคัญในงานก่อสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสร้างโครงสร้างของอาคารและสะพาน แต่ละชนิดของเหล็กรูปพรรณมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรเลือกให้เหมาะสมกับงานของคุณ
ประเภทของเหล็กรูปพรรณ:
เหล็ก H-Beam และ I-Beam:
เป็นเหล็กรูปพรรณที่มีหน้าตัดเป็นรูปตัว H และ I ลักษณะนี้ช่วยให้มีความแข็งแรงสูงและสามารถรองรับน้ำหนักได้ดี เหมาะสำหรับงานโครงสร้างที่ต้องการรับแรงกดและแรงดึงอย่างมาก เช่น งานสร้างตึกสูง อาคารอุตสาหกรรม และสะพานขนาดใหญ่ เนื่องจากมีการกระจายน้ำหนักที่ดีในทุกทิศทาง ทำให้ H-Beam และ I-Beam เป็นวัสดุที่สำคัญในการทำคานและเสาในงานโครงสร้างขนาดใหญ่
เหล็กตัวซี (C-Channel):
เหล็กตัวซีมีหน้าตัดเป็นรูปตัว C ซึ่งมีความแข็งแรงต่อแรงดัดและแรงบิดในแนวเดียว เหมาะสำหรับงานที่ไม่ต้องการรับน้ำหนักมาก แต่ยังคงต้องการโครงสร้างที่มีความแข็งแรง เช่น โครงหลังคา กรอบประตู หรือใช้เป็นโครงสร้างรองรับในอาคารที่อยู่อาศัย เหล็กตัวซีสามารถรับแรงกดในแนวตั้งได้ดี ทำให้เหมาะกับการใช้ในงานก่อสร้างขนาดกลางและเล็ก
เหล็กฉาก (Angle Bar):
เหล็กฉากมีลักษณะหน้าตัดเป็นมุมฉาก ทำให้สามารถรับแรงดึงและแรงกดได้ในหลายทิศทาง เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความคงทนในโครงสร้างเบาหรืองานเสริมโครงสร้าง เช่น งานก่อสร้างขนาดเล็ก งานเชื่อมต่อโครงสร้าง หรืองานที่ต้องการวัสดุที่สามารถทนต่อแรงบิด เช่น เสาค้ำยันและโครงสร้างรองรับ เหล็กฉากยังถูกใช้ในงานตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการความคงทน
เหล็กกล่อง (Square/Rectangular Tubing):
เหล็กกล่องมีหน้าตัดเป็นสี่เหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า เหมาะสำหรับงานโครงสร้างที่ต้องการความสวยงามและความทนทาน สามารถรับแรงดัดและแรงกดได้ในหลายทิศทาง ใช้ในงานที่ต้องการความทนทานต่อสภาพอากาศ เช่น การทำรั้ว เสา หรือใช้ในงานตกแต่งที่ต้องการความคงทนเป็นพิเศษ เหล็กกล่องเป็นวัสดุที่มีการออกแบบที่ดี ทำให้เหมาะสำหรับงานที่ต้องการทั้งความแข็งแรงและความสวยงาม
ทำไมต้องเลือกเหล็กรูปพรรณ?
เหล็กรูปพรรณมีความทนทาน แข็งแรง และสามารถรองรับน้ำหนักได้ดี ️ นอกจากนี้ยังมีหลากหลายรูปทรงและขนาดให้เลือกตามความต้องการของแต่ละโครงการ
ก่อนนำไปใช้งาน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้แน่ใจว่าเหล็กที่เลือกเหมาะสมกับโครงการของคุณที่สุด หากต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม ติดต่อเราได้เลย!